หลักเกณฑ์ในการทำสัญญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การประกอบธุรกิจร้านขนมอบเบเกอรี่ มีกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนี้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในการดำเนินการธุรกิจประเภทนี้ซึ่งอยู่ในลักษณะรูปแบบของคณะบุคคลมีการทำสัญญากันในรายละเอียดไว้เป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจนระหว่างหุ้นส่วนด้วยกันว่าแต่ละหุ้นได้ลงทุนไว้หุ้นละเท่าไหร่ ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในภายหลัง แม้ว่าบรรดาหุ้นส่วนจะไว้วางใจกันอย่างไรเป็นการส่วนตัวก็ตาม หรือกฎหมายไม่ได้บังคับไว้ว่าต้องทำสัญญาเป็นหนังสือก็ตาม ก็ต้องทำสัญญากันให้ชัดเจนและมีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร ด้วยความรอบคอบและถูกต้องเพื่อมิให้เกิดปัญหาในอนาคต
กฎหมายเกี่ยวกับสาธารณสุข
ผู้ประกอบการจะจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม หรือสถานที่สะสมอาหารในอาคารหรือพื้นที่ใด ซึ่งมีพื้นที่เกิน 200 ตารางเมตร และมิใช่เป็นการขายของในตลาด ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ถ้าสถานที่ดังกล่าวมีพื้นที่ไม่เกิน 200 ตารางเมตร ต้องแจ้งต่อพนักงานท้องถิ่นเพื่อขอรับหนังสือรับรองการแจ้งกิจการตั้ง ผู้จัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารหรือสถานที่สะสมอาหารซึ่งได้รับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้ง และจำหน่ายทำประกอบ ปรุง เก็บหรือสะสมอาหารในสถานที่จำหน่ายอาหาร หรือสถานที่สะสมอาหาร ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ในข้อกำหนดของท้องถิ่น หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้ง ซึ่งราชการส่วนท้องถิ่น มีอำนาจออกข้อกำหนดท้องถิ่นได้ดังต่อไปนี้
(พระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 38 มาตรา 39 และมาตรา 40 )
(1) กำหนดประเภทของสถานที่จำหน่ายอาหาร หรือสถานที่สะสมอาหารตามประเภทของอาหาร หรือตามลักษณะของสถานที่ประกอบกิจการหรือตามวิธีจำหน่าย
(2) กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดตั้งใช้และดูแลรักษาสถานที่และสุขลักษณะของบริเวณที่ใช้จำหน่ายอาหารที่จัดไว้สำหรับบริโภคอาหารที่ใช้ทำประกอบหรือปรุงอาหาร หรือที่ใช้สะสมอาหาร
(3) กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการป้องกันมิให้เกิดเหตุรำคาญ และการป้องกันโรคติดต่อ
(4) กำหนดเวลาจำหน่ายอาหาร
(5) กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสุขลักษณะส่วนบุคคลของผู้จำหน่ายอาหาร ผู้ปรุงอาหาร และผู้ให้บริการ
(6) กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสุขลักษณะของอาหาร กรรมวิธีการจำหน่าย ทำ ปรุง เก็บรักษาหรือสะสมอาหาร
(7) กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวสุขลักษณะของภาชนะอุปกรณ์ น้ำใช้ และของใช้อื่น ๆ
ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ผู้นั้นจะต้องถูกปรับตามอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้
กฎหมายแรงงาน
นายจ้างและลูกจ้างมีสิทธิที่จะแสดงเจตนาทำสัญญาจ้างแรงงานกันโดยทำเป็นหนังสือหรือโดยปากเปล่าก็ได้ แต่ต้องอยู่ภายในขอบเขตของกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายคุ้มครองแรงงานซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งมีการแสดงเจตนาขัดต่อกฎหมายดังกล่าวย่อมทำให้ตกเป็นโมฆะได้
เครื่องหมายการค้า
ผู้ประกอบการจะดำเนินธุรกิจร้านขนมอบเบเกอรี่ ให้ประความสำเร็จได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเครื่องหมายการค้า เพราะเป็นเครื่องหมายที่ใช้หรือจะใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น
การขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าต้องประกอบด้วยลักษณะดังต่อไปนี้ ได้แก่ เป็นเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะบ่งเฉพาะ เป็นเครื่องหมายการค้าที่ไม่มีลักษณะต้องห้าม และไม่เป็นเครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าที่บุคคลอื่นได้จดทะเบียนไว้แล้ว และการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้น จะขอจดทะเบียนสำหรับสินค้าเฉพาะอย่างในจำพวกเดียวกันหรือต่างจำพวกกันก็ได้ แต่ต้องระบุรายการสินค้าที่ประสงค์จะได้รับความคุ้มครองแต่ละอย่างโดยชัดแจ้ง คำขอจดทะเบียนฉบับหนึ่งจะขอจดทะเบียนสำหรับสินค้าต่างจำพวกกันมิได้ การกำหนดจำพวกสินค้าให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
เจ้าของเครื่องหมายการค้าใดประสงค์จะต่ออายุการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของตน ให้ยื่นคำขอต่ออายุต่อนายทะเบียนภายในเก้าสิบวันก่อนวันสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคำขอต่ออายุภายในกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าเครื่องหมายการค้านั้นยังคงจดทะเบียนอยู่จนกว่านายทะเบียนจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น การขอต่ออายุการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร
ผู้ประกอบการต้องมีหน้าที่เสียภาษีตามประมวลรัษฎากร กรณีเป็นบุคคลธรรมดา หรือห้างหุ้นส่วนสามัยจะต้องขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีด้วย โดยมีรายละเอียดภาระภาษีดังนี้
(1) ภาษีเงินได้ ผู้ประกอบการเป็นเจ้าของคนเดียว หรือห้างหุ้นส่วนสามัญไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลนั้นจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามบทบัญญัติ ส่วน 2 หมวด 3 ลักษณะ 2 ถ้าไม่มีเงินได้พึงประเมินจากการขายเกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ (มาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร ) โดยเงินได้จากการปรุงอาหารและขายอาหารเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8) ประเภทธุรกิจพาณิชย์ และสามารถหักค่าใช้จ่ายการเหมาได้ตามพระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2502) มาตรา 8 (7) ทั้งนี้ผู้มีเงินได้จะต้องยื่นแบบแสดงรายการชะระภาษีปีละ 2 ครั้งคือ
ครั้งแรก เป็นการยื่นชำระภาษีครึ่งปี 6 เดือนแรกโดยเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ผู้ประกอบการจะต้องยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด. 94 ภายในเดือนกันยายน และภาษีที่ได้ชำระไว้ครึ่งปีนี้ให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณเพื่อยื่นชำระภาษีประจำปี (มาตรา 56 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร)
ครั้งที่สอง เป็นการยื่นชำระภาษีประจำปี 12 เดือน โดยผู้ประกอบการนำเงินได้ตั้งแต่มกราคมถึงเดือนธันวาคม กรอกแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด. 9 และยื่นชำระในเดือนมีนาคมของปีถัดไป ซึ่งผู้มีเงินได้สามารถนำภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด. 94) ที่ชำระเอาไว้แล้วมาเป็นเครดิตหักออกได้ (มาตรา 56 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร)
(2) ภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการายใดที่มีรายได้ตลอดทั้งปีเกินกว่า 1,800,000 บาท นอกจากผู้นั้นจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้ว เขาก็ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย โดยจะต้องไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ถ้าผู้ประกอบการมีรายได้เกินกว่า 1,800,000 บาท ผู้นั้นมีสิทธิขอเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราเหมาร้อยละ 7 ได้ ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์แลออกใบกำกับภาษีซื้อและขายได้โดยผู้ประกอบการจะต้องยื่นแบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีทุกเดือนในทุกๆวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
จะเห็นได้ว่าการดำเนินธุรกิจจะมีกฎหมายหลายฉบับเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องระมัดระวังและวางแผนให้ดี มิฉะนั้นแล้วเมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบจะต้องคอยกังวลแก้ไขอยู่แสมอและต้องเสียเบี้ยปรับอีกจำนวนมาก ส่วนเรื่องของภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร การทำธุรกิจประเภทร้านอาหารเครื่องหมายในรูปของห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเป็นนิบุคคลเพื่อแยกยอดเงินได้ออกไปเพราะถ้าเสียภาษีในนามของห้างหุ้นส่วน ฯ หรือคณะบุคคล เงินส่วนแบ่งของกำไรที่ผู้เป็นหุ้นส่วนได้รับ ก็จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42 (4) และสุดท้ายถ้ารายได้เข้าเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มก็จะต้องเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ผู้ประกอบการจะต้องชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินปีละครั้ง โดยกรอกรายการที่ทางราชการกำหนดไว้ และพนักงานเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้ประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 12.5 ของการกำหนดราคาทุนทรัพย์เมื่อผู้ประกอบการได้รับการประเมินผู้ใดไม่พอใจในการประเมินก็สามารถยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่ได้ถ้าผู้ใดละเลยหรือจงใจไม่เสียภาษีตัวนี้ผู้นั้นจะมีทาทางแพ่งและทางอาญา ตามกำหนดไว้ในกฎหมาย
ภาษีป้าย
ในการดำเนินธุรกิจประเภทนี้ส่วนมากจะมีการติดป้ายหน้าร้าย หรือป้ายชื่อร้านรวมทั้งการติดตั้งโปสเตอร์ต่างๆ ผู้เป็นเจ้าของป้ายจะต้องเสียภาษีตามกฎหมายด้วยโดยยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายกับเจ้าหน้าที่บริการราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งภาษีป้ายนี้ถือเป็นรายได้ของเทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดการคำนวณภาษีป้ายจะขึ้นอยู่กับลักษณะของตัวอักษรไทย หรือต่างประเทศรวมกับขนาดความกว้างยาวของป้าย
1) ป้ายที่มีตัวอักษรไทยล้วน ให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
2) ป้ายที่มีตัวอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศและหรือปนกับภาพ และหรือเครื่องหมายอื่น คิดร้อยละ 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
3) ป้ายดังต่อไปนี้ คิดอัตรา 400 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
(ก) ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพหรือเครื่องหมายใด ๆ หรือไม่
(ข) ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
และป้ายตาม 1) 2) หรือ 3) เมือคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้ว ถ้ามีอัตราต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้ายละ 200 บาท ให้เสียภาษีป้ายละ 200 บาท
ถ้าเสียภาษีป้ายที่จะต้องชำระมีจำนวนตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะขอผ่อนชำระเป็น 3 งวด งวดละเท่า ๆ กันก็ได้ โดยงวดที่ 2 ต้องชำระภายใน 1เดือน นับตั้งแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่ 1 และต้องชำระงวดที่ 3 ภายใน 1 เดือนนับตั้งแต่วันสุดท้ายที่ต้องชะระงวดที่ 2
การจดทะเบียนพาณิชย์
การทำธุรกิจร้านขนมอบหรือเบเกอรี่ ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการในขั้นต้น ดังนี้
การจดทะเบียนพาณิชย์จัดตั้งธุรกิจ โดยทั่วไป รูปแบบการดำเนินกิจการของร้านขนมอบ หรือ เบเกอรี่ สมมารถทำได้หลายรูปแบบตั้งแต่เป็นเจ้าของกิจการคนเดียว หรือดำเนินการในรูปแบบของห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของเงินลงทุน จำนวนผู้ลงทุน รวมถึงความคล่องตัวในการบริหารงาน ผู้ประกอบการควรพิจารณาให้เหมาะสมกับธุรกิจของตน ในการขอจดทะเบียนพาณิชย์นั้น ผู้ประกอบการสามารถดูรายละเอียดและขั้นตอนในการดำเนินการได้ที่
- www.ismed.or.th
- www.ismed.or.th
- www.thairegistration.com
หรือจะสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือสำนักงานบริการจดทะเบียน ทั้ง 7 แห่ง ในกรุงเทพและ ปริมณฑล หรือในต่างจังหวัด สามารถยื่นจดทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ / กิ่งอำเภอทีตั้งสถานประกอบการ ยกเว้น อำเภอเมืองหรืออำเภอที่มีการกำหนดให้ยื่น ณ สำนักงานทะเบียนการค้าประจำจังหวัดที่ตั้งสถานประกอบการ
การกำหนดเลขประจำตัวผู้เสียภาษี
ในปัจจุบันกรมสรรพากรได้กำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกคน
มีและใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรทั้งนี้เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการจดเก็บภาษีและตรวจสอบภาษีอากร
ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 เอกาทศ
ได้กำหนดว่า “เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรอธิบดีมีอำนาจกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรและผู้มีหน้าทีเสียภาษีอากรและผู้มีหน้าที่จ่ายเงินได้มีและใช้เลขประจำตัวในการปฏิบัติการตามประมวลรัษฎากรได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด ทั้งนี้
โดยอนุมัติรัฐมนตรี”
ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศที่ออกเกี่ยวกับการมีและใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
(มาตรา 3 ทวาทศ)
ในเรื่องกำหนดเวลาในการขอมีบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
อธิบดีกรมสรรพกรได้กำหนดไว้ดังนี้
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ยังไม่เคยมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ให้ยื่นคำร้องโดยใช้แบบ ลป.10 ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีเงินได้
สถานที่ยื่นคำร้อง
ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นที่ฝ่ายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีกองกรรมวิธีแบบแสดงรายการ กรมสรรพากร
หรือที่ฝ่ายส่งเสริม
และบริการผู้เสียภาษีสรรพากรเขตพื้นที่ทุกแห่ง (สพท.)
ในจังหวัดอื่น
ผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอเมืองหรืออำเภอที่ตั้งสำนักงานสรรพากรจังหวัด ให้ยื่นที่ฝ่ายบริหารสำนักงานสรรพากรจังหวัด
การวางแผนภาษีอากร
หากผู้ประกอบการ
ต้องการที่จะประสบผลสำเร็จโดยได้รับผลกำไรสูงสุด แต่อยากเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดแล้ว ผู้ประกอบการนั้นจะต้องศึกษา หาความรู้ด้านภาษีให้ได้เยอะที่สุด และที่สำคัญจะต้องคำนึงถึง ภาระทางภาษีอากร ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้
เพราะหมายถึงภาระค่าใช้จ่ายของธุรกิจที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ดังนั้นการวางแผนทางภาษีอากร จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
เพื่อการปฏิบัติในทางภาษีอากรให้เป็นไปโดยถูกต้องและครบถ้วน ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อธุรกิจดังนี้
1.
ช่วยให้การเสียภาษีอากรเป็นไปโดยถูกต้องครบถ้วนถามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขทางภาษีตามที่กฎหมายกำหนดแต่ทั้งนี้จะต้องเป็นจำนวนที่น้อยที่สุดโดยไม่อาศัยการ หลีกเลี่ยงภาษีอากร
2. ช่วยขจัดปัญหาในการเสียภาษีของธุรกิจ
3. ประหยัดหรือลดค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการเสียภาษีไม่ถูกต้อง ซึ่งหมายถึง
เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าปรับทางอาญา
4. ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ละประเภทให้เต็มที่ และถูกต้อง
5.
ช่วยลดขั้นตอนในการปฏิบัติงานที่ไม่จำเป็นและไม่ไดมาตรฐานเพราะการดำเนินงานทางด้านเอกสารหลักฐานทางธุรกิจจะสอดคล้องกันระหว่างทางธุรกิจและภาษีอากร
6. ช่วยให้คลายความกังวลต่อการถูกเรียกตรวจสอบ
7.
ช่วยเสริมสร้างระบบการควบคุมภายในให้มีประสิทธิภาพได้เพราะในขั้นตอนของการวางแผนภาษีจะต้องศึกษาแนวทางปฏิบัติงานของธุรกิจให้ละเอียดถี่ถ้วนซึ่งจะช่วยให้เห็น ปัญหาที่เกิดขึ้นและแก้ไขไปในคราวเดียวกัน
บ้านผมขาย bakery มา 10 กว่าปีแล้ว บ้านผม ทำเองที่บ้าน แล้วไปขาย ที่ตลาดแถวบ้าน แล้วไม่นานมานี่มีเจ้าหน้าที่มาขอตรวจภายในบ้าน เค้าอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุข มาขอตรวจ และผ่านไปไม่กี่วันก็มีจดหมายให้ไปลงทะเบียนที่เขตว่าคุณประกอบการธุรกิจ ผมต้องไปลงไหมครับ ที่บ้านผมบ่นว่าแค่ขายของเป็นแม่ค้าตลาดทำไมต้องไปลงทะเบียนและเสียภาษีด้วย เพราะคนแถวๆนี่ที่ขายของตามตลาดก็ไม่เห็นต้องไปจดทะเบียนประกอบการ ถ้้าใครรู้ช่วยบอกเป็นแนวทางให้ด้วยนะครับ
ตอบลบ